วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การเลือกใช้ “เครื่องทำน้ำอุ่น” อย่างประหยัดและปลอดภัยช่วงหน้าหนาว

  ช่วงปลายฝน ต้นหนาวอากาศก็เริ่มจะเย็นๆลงทุกวัน สำหรับคนขี้หนาว เวลาจะอาบน้ำแต่ละทีคงต้องทำใจกันนานพอสมควรทีเดียว ฉะนั้น "เครื่องทำน้ำอุ่น" จึงเป็นอุปกรณ์ตัวเลือกที่ดีมากช่วยทำให้การอาบน้ำของเราสบายขึ้น แต่หลายๆคนอาจจจะสงสัยว่าจะซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นยี่ห้ออะไรดี? มีแบบไหนให้เลือกบ้าง? เลือกแบบไหนถึงจะปลอดภัย และได้แบบประหยัดมากที่สุด


เครื่องทำน้ำอุ่น มี 2 อย่าง คือ

เครื่องทำน้ำอุ่นแบบจุดเดียว คือ เครื่องทำน้ำอุ่นได้จุดเดียว อย่างที่เราเห็นได้ทั่วไปคือเครื่องทำน้ำอุ่นที่ติดตั้งในห้องน้ำตรงฝักบัวอาบน้ำนั่นเอง
เครื่องทำน้ำอุ่นแบบหลายจุด คือ เครื่องทำน้ำอุ่นที่เป็นแบบกระจายน้ำอุ่นไปได้หลายๆจุดนอกเหนือจากห้องน้ำ เราอาจะกำหนดให้ไหลไปอ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน  


การเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะสมกับการใช้งานและปลอดภัย

  • เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน จะใช้แบบจุดเดียวเฉพาะอาบน้ำ หรือใช้แบบหลายจุดเพื่อให้มีน้ำอุ่นใช้หลายๆจุด
  • เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นแบบที่มีถังน้ำภายในตัวเครื่องและต้องมีฉนวนหุ้ม เพราะสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 10% - 20% 
  • เครื่องทำน้ำอุ่นที่ได้ขนาดมาตรฐาน ต้องมีสายดินขนาดไม่เล็กกว่า 2.5 SQ.MM. รวมทั้งสายดินที่ต่อออกจากตัวเครื่องจะต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 2.5 SQ.MM.เช่นกัน และอย่าลืมต่อสายดินเครื่องทำน้ำอุ่นทุกเครื่อง เพราะหากสายดินได้ขนาดมาตรฐานเวลาเกิดไฟรั่วจะรั่วลงดินได้อย่างรวดเร็ว
  • ควรติดตั้งสวิตซ์ตัดไฟอยู่ในตัวเครื่อง เพราะหากเกิดไฟดูด เครื่องจะตัดไฟได้ในทันที หรือหากไม่มีเครื่องตัดไฟควรติดตั้งเบรคเกอร์ที่ตัดไฟรั่ว ไฟดูด เพิ่มเข้าไป

  • ไม่ควรมีสวิตซ์ควบคุมอุณหภูมิน้ำ เพราะหากลืมเปิดสวิตซ์ทิ้งไว้ ไฟอาจไหม้บ้านได้ รวมทั้งต้องหมั่นตรวจสอบสวิตซ์ควบคุมแรงดันน้ำว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่ หากติดตั้งอยู่ใต้หม้อต้มน้ำ แล้วถ้าหม้อต้มเกิดน้ำรั่ว น้ำที่หยดจะโดนสวิตซ์ซึ่งจะเกิดอันตรายได้ ดังนั้นสวิตซ์ตัวนี้ต้องตั้งอยู่เยื้องๆ กับหม้อต้ม และสวิตซ์ต้องมีปลอกกันน้ำหุ้มไว้ด้วย

การเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นแบบประหยัดพลังงาน 

-ควรเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะสมกับสถานที่ตั้ง(ห้องน้ำ) ตำแหน่งที่ติดตั้ง
-ควรเลือกใช้ฝักบัวอาบน้ำแบบที่ประหยัดน้ำ
-เปิดใช้น้ำในกำลังที่เหมาะสม ไม่เปิดแรงหรือเปิดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน
-เมื่อใช้เครื่องเสร็จแล้วควรปิดเครื่องทันที
-ควรหมั่นตรวจสอบเครื่องทำน้ำอุ่นว่ามีการชำรุด มีรอยรั่ว หรือไม่ เพราะจะทำให้เสียน้ำและสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าและอาจเกิดอันตรายได้
-หากเครื่องเกิดชำรุดเสียหายควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรซ่อมเอง


ซึ่งในคอนโดพร้อมอยู่อาจจะมีติดตั้งไว้ให้ผู้อยู่อาศัยอยู่แล้ว ซึ่งโครงการ The Diplomat สาทร เลือกใช้ของ stiebel eltron

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

"พรรณไม้พระนามในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"

“พรรณไม้พระนาม” คือ พรรณไม้ที่นักพฤกษศาสตร์ ค้นพบและวิจัยแล้วว่า เป็นพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก จึงต้องตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ขึ้น โดยนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานพระนามมาเพื่อตั้งเป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์


"ภูมิพลินทร์"

ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Paraboea bhumiboliana Triboun & Chuchan
วงศ์: Gesneriaceae

ลักษณะ : เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กไม่มาก สูงประมาณ 20-60 เซนติเมตร เมื่ออายุมากขึ้นมีเนื้อไม้จะแข็ง ยืนต้นสีน้ำตาล อาจแตกเป็นร่องตามแนวยาว เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามสลับกัน รูปวงรี หรือ รูปไข่ กว้างประมาณ 1.5-2.2 ซม. ยาวประมาณ 2.5-6 ซม. ปลายใบโค้งมน  ขอบใบหยักตื้น ใต้ใบปกคลุมด้วยกลุ่มขนสีขาว ก้านใบยาว 3-4 มิลลิเมตร ออกดอกเป็นช่อกระจุกสั้น ออกชื่อดอกที่ยอดหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยก 5 แฉก แฉกคล้ายกับรูประฆัง มีสีชมพู หรือ สีม่วงอ่อน ผลแห้งแตก เมื่อแก่บิดเป็นเกลียว ภายในจะมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก
เป็นพืชท้องถิ่นของไทยสำรวจพบที่บริเวณแก่งหินปูน เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน ค้นพบโดย ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญ  เป็นผู้ทูลขอพระราชทานพระนามจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นำมาตั้งเป็นคำระบุชนิด เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2544 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช



"ทิวลิปคิงภูมิพล"

ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Tulipa ‘King Bhumibol’
วงศ์: Liliaceae

ลักษณะ: ไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี ต้นสูงราวๆ 45 ซม. ใบเลี้ยงเดี่ยว ใบยาวเรียวปลายแหลม สีเขียวอ่อนอมเทา ซึ่งแต่ละต้นมีประมาณ 2-4 ใบ กลีบดอกสีเหลืองทอง เกสรเพศเมียมีลักษณะเป็นแท่งรูปสามเหลี่ยม ล้อมรอบด้วยเกสรเพศผู้สีเหลือง
ฤดูผลิดอก : ประมาณ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
การปลูก : ต้นนี้ชอบดินร่วนที่ระบายน้ำดี โดนแสงแดดตลอดวัน ชอบอากาศหนาวเย็น ขยายพันธ์ุด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ นิยมใช้เป็นไม้ประดับและไม้ตัดดอก เหมาะสำหรับเพราะปลูกเพิ่มความสวยงาม รอบๆคอนโดหรู อย่าง The Diplomat สาทร
เป็นลูกผสมระหว่างพันธ์ุ Judith Leyster กับพันธุ์ Prince Claus โดย Klaas Koedijk เจ้าของบริษัท F.A.P. Koedijk & ZN ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้ทูลขอพระราชทานพระนามพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาจดทะเบียนตั้งเป็นชื่อพันธ์ุไม้ชนิดนี้ ด้วยความซาบซึ้งในความจงรักภักดีที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาศที่ทรงครองศิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2549



"มะลิเฉลิมนรินทร์"

ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Jasminum bhumibolianum Chalermglin
วงศ์: Oleaceae

ลักษณะ: เป็นไม้เถา เลื้อยได้ไกลถึง 1-2 เมตร เนื้อแข็ง ยอดอ่อนมีขน ใบเลี้ยงเดี่ยวค่อนข้างหนา รูปวงรี กว้าง 3-3.5 ซม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบโค้งมนกลม แผ่นใบเรียบเหนียวเป็นมัน ไม่มีต่อมใต้ใบ ก้านใบยาว 4-5 มม. ช่อดอกเป็นแบบช่อกระจุก ออกที่ปลายกิ่งข้าง มีดอกย่อยๆ 7-13 ดอก ริ้วประดับรูปแถบยาว 5-6 มม. ก้านดอกยาว 2-3 มม. แฉกกลีบเลี้ยงสั้นมี 4-5 กลีบ  กลีบดอกยาว 12-15 มม. ปลายสีเหลืองนวล แยกเป็น 7 กลีบ กลีบกว้าง 3-4 มม. กลิ่นหอมแรง ผลรูปทรงรี
ฤดูผลิดอก: ประมาณกรกฎาคม – กันยายน
การปลูก: ปลูกเป็นไม้กระถางหรือจะลงแปลงปลูกกลางแจ้งให้เลื้อยไต่เป็นซุ้มก็ได้ ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แต่โตช้า ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และ ปักชำกิ่ง
มะลิท้องถิ่นของไทยชนิดใหม่ล่าสุด สำรวจพบโดย ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น บนเขาหินปูนที่มีความสูง 715 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลภายในจังหวัดเลย เมื่อปี พ.ศ. 2552 และได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขอประทานใช้ชื่อนี้ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2554

ขอบคุณข้อมูล : บ้านและสวน


วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หลักการจัดห้องพระ เสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัย

การจัดห้องพระให้ถูกวิธีช่วยส่งเสริมมงคลให้กับผู้อยู่อาศัย




หากมีพระมากองค์ ควรจะจัดวางให้เป็นลำดับ 
พระพุทธรูปควรอยู่สูงสุด ลำดับถัดลงมาเป็นพระสาวก เช่น พระสีวลี พระสังกัจจายน์ฯ 
ถัดมาเป็นพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ควรอยู่ต่ำลงมาอีกระดับหนึ่ง ส่วนกรณีที่มีพระโพธิสัตว์กวนอิม หรือเทพองค์อื่น เช่น พระแม่ศรีอุมาเทวี หรือพระพิฆเนศ สมควรแยกโต๊ะไว้ต่างหาก จัดให้เป็นที่เป็นทาง หรือหากต้องตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่เดียวกัน สำคัญคือ ให้พระพุทธรูปอยู่สูงสุด

ห้องพระควรวางชั้นบนดีกว่าชั้นล่าง สำหรับบ้านที่มี 2 ชั้น หรือหลายชั้น ควรจัดห้องพระให้อยู่ชั้นบนสุด เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การวางต่ำกว่าคน ไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง

ทิศทางการวางพระนั้น ควรให้องค์พระหันหน้าไปทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ควรหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เชื่อว่าถ้าหันไปทางทิศตะวันตกจะทำให้ชีวิตตกต่ำ

ควรเลือกสถานที่ที่สงบ ไม่วุ่นวาย พลุ่กพล่าน เพราะเมื่อเราไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ จะได้เงียบสงบ

สำหรับบ้านที่มีพื้นที่น้อย หรือ คอนโด มีพื้นที่สำหรับทำห้องพระน้อย แต่มีพระมาก ควรใช้ม่านหรือฉากกั้น แบ่งให้เป็นสัดส่วนไป
  
หมั่นดูแลความสะอาดห้องพระให้สม่ำเสมอ ไม่ควรให้ห้องมีของรกรุงรัง ดูไม่สะอาดตา หรือ มีฝุ่นจับหนา

ข้อห้าม


ห้ามวางเตียงหันปลายเท้าไปทางห้องพระ หากห้องนอนติดกับห้องพระ ควรจัดวางตำแหน่งในการตั้งเตียงให้ดี อย่าให้ปลายเท้าหันไปทางห้องพระ ซึ่งถือว่าเป็นการไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับกรณีที่หันหัวเตียงไปที่ห้องพระ ควรคิดว่า หัวเตียงติดกับโต๊ะหมู่องค์พระหรือไม่ ถ้าไม่ติดจึงสามารถวางได้ แต่ถ้าติดกัน จะไม่ค่อยดี จะทำให้นอนไม่ค่อยหลับ ปวดหัว มึนหัวได้ง่าย

ห้ามจัดห้องพระติดกับห้องน้ำ เพราะจะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระเสื่อมลง เงินทองรั่วไหล แต่หากไม่สามารถเลี่ยงได้ ก็ควรหาตู้มาพิงผนังห้องน้ำหรือทำฉากกั้น แล้วหันองค์พระไปทางอื่นที่ไม่ตรงกับห้องน้ำ

ห้ามจัดห้องพระต่ำกว่าห้องอื่นๆ ซึ่งหากเป็นกรณีที่บ้านเล่นระดับ จะต้องเลือกวางห้องพระให้อยู่สูงกว่าห้องอื่นๆ


ห้ามจัดวางองค์พระหันไปตรงกับประตู ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่สงบ



นอกจากจะจัดห้องพระให้ถูกต้องตามหลักการแล้ว เราก็ควรต้องสำรวมเป็นคนดี คิดดี ทำดี เพื่อเสริมสร้างความเป็นมงคลให้กับชีวิต


ขอบคุณข้อมูล : Mthai

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การดูแลรักษาฟูกนอนให้มีอายุการใช้งานไปนานๆ

    

โดยส่วนใหญ่เราก็มักจะให้ความสนใจ และลงทุนกับเตียงนอน หรือ ฟูก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สำคัญที่สุดในห้องนอนจึงมักจะเลือกซื้อที่มียี่ห้อดังๆแพงๆ ดังนั้นเราจึงควรที่จะมีวิธีการรักษาให้คงสภาพเดิมมากที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่เราเสียไป ฟูกนอนที่ดีควรเป็นแบบสปริง ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งคือการนำเหล็กมาดัดเป็นห่วงให้ต่อเนื่องกันในลักษณะที่เป็นสปริงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น สามารถรองรับน้ำหนักตัวของร่างกายได้เป็นอย่างดี


วิธีการดูแลรักษาที่นอนให้มีอายุการใช้งานได้นาน

  1.   ควรจะพลิกหรือกลับด้านที่ฟูกนอน และสลับด้านหัว-ท้าย อย่างน้อย 1 ครั้งทุก ๆ 3 เดือน ช่วยรักษาความคงตัวของที่นอน และเพื่อไม่ให้ด้านใดด้านหนึ่งยุบตัวลง
  2.   ควรดึงผ้าปูออกจากที่นอนทุกๆ สัปดาห์ เพื่อให้มีอากาศได้ถ่ายเทในฟูก และควรมีระยะการผึ่งที่นอนไว้ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง เพื่อให้ที่นอนถ่ายเทอากาศได้เต็มที่
  3.  จัดวางที่นอนให้แสงแดดส่องถึง เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ถ้าใช้ที่นอนจากเส้นใยธรรมชาติ ควรเลือกใช้ปลอกที่นอนพลาสติกหรือที่เป็นไวนิลคลุม จากนั้นปูทับด้วยผ้าปูที่นอนอีกขั้นหนึ่ง
  4.  ควรเลือกใช้ผ้ารองกันเปื้อน และหมั่นนำไปซัก เพื่อให้ที่นอนสะอาดอยู่เสมอ
  5.  ควรตรวจสอบฐานรองฟูก และขาตั้งเป็นประจำ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัย

วิธีทำความสะอาด

1. ดูดฝุ่น ทำความสะอาดที่นอนด้วยการใช้เครื่องดูดฝุ่น เพื่อดักจับไรฝุ่นและความสกปรกก่อน แต่อย่าลืมถอดผ้าปูที่นอนออกก่อนทุกครั้งด้วย จะได้กำจัดฝุ่นที่ฝังตัวอยู่บนฟูก จากนั้นก็ค่อย ๆ ดูดฝุ่นที่นอนให้ครบทุกตารางนิ้ว 


2. ขจัดคราบเปื้อนด้วยน้ำยาสูตรอ่อนโยนต่อผิว รอยเปื้อนทั้งคราบอาหาร หรือคราบเลือดเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ได้อย่างยิ่ง เพราะจะใช้น้ำยาเคมีกำจัดคราบก็จะรุนแรงกับเพื้นผิวที่นอนและผิวหนังของเราจนเกินไป จึงควรลองใช้น้ำสบู่เช็ดคราบเลือด และคราบอาหารก่อนดูก่อน หรืออาจจะใช้แปรงสีฟันขัดด้วยเบา ๆก็ได้ ถ้าหากไม่ได้ผลให้เปลี่ยนมาใช้ "ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์"หยดลงไปบนคราบ แต่อาจจะไม่ทำให้คราบหายวับไปกับตา แต่จะช่วยสลายคราบได้ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว แต่ต้องใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง


3. ใช้น้ำมะนาวในการขจัดคราบ ลองหันมาใช้น้ำยาทำความสะอาดจากธรรมชาติ หรือน้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์ ซึ่งน่าจะมีปลอดภัยมากกว่า แถมเอนไซม์ที่ถูกสกัดมาเป็นน้ำยาทำความสะอาด ยังมีสรรพคุณในการย่อยสลายคราบเปื้อนบนที่นอนได้อย่างดี โดยนำมาเทไปบนคราบเปื้อนให้ชุ่ม ทิ้งไว้สักประมาณ 5 นาที จากนั้นก็ใช้ผ้าขาวซับน้ำออกให้หมด แล้วทำความสะอาดต่อด้วยสบู่ หรือน้ำยาล้างจานอีกครั้งหนึ่ง



เคล็ดลับ

   การกำจัดคราบเลือด โดยผสมน้ำอุ่นกับเกลือ จากนั้นก็นำมาฉีดบนคราบเปื้อนให้ชุ่ม เกลือจะช่วยสลายคราบเลือด และทำให้โปรตีนในเลือดแตกตัว จากนั้นควรใช้ผ้าสะอาดเช็ดออกให้สะอาดอีกครึ่ง

   อีกวิธีหนึ่ง คือผสมเบกกิ้งโซดา 2 ส่วน กับน้ำ 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปเทลงบนคราบเลือดทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นก็ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง หรือ ใช้วิธีชุบผ้าสะอาดกับส่วนผสมของน้ำยาทำซักผ้า 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเย็น 2 ถ้วยตวง แล้วนำผ้าผืนนั้นไปเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดก็ได้เช่นกัน


วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

การใช้และดูแลรักษาไมโครเวฟในคอนโด

http://kpnland.com/

ไมโครเวฟ มี 3 ประเภท คือ

  • ระบบอุ่นอาหาร (Solo) ประเภทนี้เราๆอาจจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยภายในจะมีแม็กนีตรอน ไว้สำหรับปล่อยคลื่นไมโครเวฟ  เพื่อสำหรับการอุ่นอาหาร  

  • ระบบอบ (Convection) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำขนม เบเกอรี่  โดยจะใช้แม็กนีตรอนเช่นกัน  ซึ่งปล่อยคลื่นไมโครเวฟ  แต่มีการเพิ่มของขดลวด ที่บริเวณด้านบนของช่องอบ และ เพิ่มพัดลม ที่บริเวณด้านหลังช่องอบ  เพื่อใช้สำหรับการอบอาหาร หรืออบขนมต่างๆ นั้นเองค่ะ

  • ระบบย่าง (Grill) แบบนี้แตกต่างไม่ค่อยมากนัก ภายในจะมีแม็กนีตรอนไว้สำหรับปล่อยคลื่นไมโครเวฟ  และ ขดลวดสำหรับย่าง ที่อยู่บริเวณด้านบน  ซึ่งสามารถทำอาหารได้ทั้งต้มและย่าง


ซึ่งทางโครงการ The Diplomat สาธร ใช้ ไมโครเวฟ ยี่ห้อ Kuppersbusch

ภาชนะและเครื่องครัวที่ใช้กับเตาไมโครเวฟ

           เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานและเพื่อใม่ให้เตาได้รับความเสียหาย ควรเลือกใช้ภาชนะที่ทำด้วยวัสดุที่เหมาะสมกับการปรุงอาหารด้วยคลื่นไมโครเวฟ ดังตารางต่อไป

                

ข้อควรระวังในการใช้ เตาไมโครเวฟ



  • ห้ามนำไข่ดิบ อาหารที่มีเปลือกหุ้ม หรือผิวไม่มีรูที่จะให้ไอน้ำระเหย เช่น มะเขือเทศ แอปเปิ้ล มันฝรั่งเข้าเตาไมโครเวฟ เพราะความร้อนจะดันให้เปลือกระเบิดแตกออกมา
  • ห้ามอุ่นอาหารบรรจุกระป๋อง ควรเทใส่อาหารลงภาชนะสำหรับใช้กับไมโครเวฟเสียก่อน
  • งดใช้ภาภาชนะโลหะ ควรใช้ภาชนะพลาสติกชนิดสำหรับเตาไมโครเวฟเท่านั้น ซึ่งมักจะมีแถมมาพร้อมตอนซื้อ
  • เวลาต้มน้ำในไมโครเวฟ อย่าใส่น้ำจนเติมภาชนะ เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นออกมา โดนผนังเตา
  • ในการใช้ไมโครเวฟปรุงอาหาร ควรดูคำแนะนำจากคู่มือการใช้งาน
  • ตั้งเตาไมโครเวฟ ห่างจากผนังอย่างน้อย 7.5 เชนติเมตร และควรตั้งห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ เพื่อป้องกันคลื่นจากไมโครเวฟ รบกวนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น
  • หลังจากใช้งานแล้วควรทำความสะอาด ทุกครั้งและหมั่นตรวจสอบดูเศษอาหารที่ตกค้างในเตา อาจทำให้เกิดไฟลุกไหม้ได้
  • ควรมีการติดตั้งสายดินเพื่อความปลอดภัย

วิธีทำความสะอวดไมโครเวฟ



  1. ควรปิดเครื่องและดึงปลั๊กออกจากเครื่องก่อนลงมือทำความสะอาด
  2. ใช้ผ้าสะอาดหรือฟองน้ำชุบน้ำทำความสะอาดคราบอาหารหลังจากการใช้งานทุกๆครั้ง สำหรับคราบอาหารที่ติดแน่น ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่เช็ดย้ำๆ จนออกหมด

เคล็ดไม่ลับสำหรับไมโครเวฟ

  • ให้นำน้ำมะนาวผสมน้ำใส่ในถ้วยแล้วตั้งในไมโครเวฟ กดปุ่มอุ่นด้วยไฟอ่อน ประมาณ 30 - 40 วินาที แล้วนำออก จากนั้นค่อยเช็ดทำความสะอาด จะเห็นว่า คราบสกปรกสามารถเช็ดออกได้อย่างง่ายดาย และสามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย









วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข้อดี และ ข้อเสีย ของเฟอร์นิเจอร์แต่ละชนิด

   สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาหาข้อมูลเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ภายในบ้าน หรือ คอนโด คงอยากจะรู้ว่า เฟอร์นิเจอร์แต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับลักษณะที่พักอาศัยหรือไม่ หรือบางที เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นสวย ราคาแพง แต่อาจจะใช้สอยอาจจะไม่คุ้มกับราคา ดังนั้นมาดูกันว่าเฟอร์นิเจอร์แต่ละชนิดมีอะไรบ้าง

1. Knock down Furniture เฟอร์นิเจอร์แบบสามารถถอดประกอบได้
Knock down Furniture คือ มีลักษณะเป็นเฟอร์นิเจอร์ติดตั้งกับที่ เวลาเคลื่อนย้ายต้องถอดแล้วประกอบใหม่ ซึ่งในกระบวรการผลิตเกือบจะสำเร็จรูปจากโรงงาน เพียงแต่ต้องนำมาติดตั้งประกอบโดยช่างอีกทีหนึ่ง ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานนัก ทำให้ลดปัญหาเรื่องฝุ่นไม้ และกลิ่นสีได้เป็นอย่างดี
ข้อดี Knock down Furniture
•    ลดปัญหาเรื่องฝุ่นไม้ และกลิ่นสี เพราะกระบวนการการผลิตที่เกือบจะสำเร็จรูปจากโรงงานแล้ว เพียงแต่นำมาประกอบติดตั้งโดยช่าง
•    ผลิตโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ ประเภท Particle Board หรือ Chip Board ที่สามารถควบคุมคุณภาพได้ดี
ข้อเสีย Knock down Furniture
•    การออกแบบ และการติดตั้งเครื่องเพื่อเตรียมการผลิต ที่ยุ่งยาก และซับซ้อน ดังนั้น ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้ จึงต้องทำการผลิตเป็นจำนวนมาก เพื่อเลี่ยงการขาดทุนจึงต้องทำการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการออกแบบ และการ เตรียมการผลิตให้น้อยที่สุด
•    อายุการใช้งานน้อยกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากไม้จริง เนื่องจากกระบวนการผลิตของเฟอร์นิเจอร์ Knock down ค่อนข้างยุ่งยาก และเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตมีราคาสูงมาก
2. Movable Furniture หรือ Loose Furniture เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว
เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว คือ เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ตกแต่งจัดวางได้ตามรูปแบบที่ต้องการ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจะเป็นแบบผลิตสำเร็จเสร็จที่โรงงาน แล้วจึงนำมาวางขาย ให้สามารถเลือกแบบได้จากตัวอย่างที่มีอยู่จริง ในร้านค้าได้เลย เช่น โต๊ะ ชั้นวางของ  โซฟา เป็นต้น
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว
•    มีให้เลือกได้หลายแบบ หลากประโยชน์ใช้สอย จับต้องได้จากตัวอย่างจริง ทดลองการใช้งานได้จริง
•    มีราคาถูกกว่าเฟอร์นิเจอร์ติดตั้งกับที่
•    ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ สามารถจัดวางได้หลากหลายรูปแบบ
•    ลดปัญหาฝุ่นละออง และ กลิ่น ในการติดตั้ง เนื่องจากผลิตสำเร็จจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว
•    ด้วยความที่ผลิตง่าย ซื่อขายคล่อง จึงอาจจะทำให้มีรูปแบบซ้ำๆกัน เพราะผลิตครั้งละจำนวนมาก ทำให้ขาดความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
•    ด้วยรูปแบบที่ตายตัวและมีขนาดที่จำกัดไม่สามารถปรับ เปลี่ยนให้เข้าพอดีกับพื้นที่ได้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่มีสูงนั้นทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดได้สะดวก ทำให้เกิดการก่อตัวของฝุ่น อาจจะทำให้เราเป็นโรคภูมแพ้ได้
3. Built-in Furniture หรือ Fixed Furniture เฟอร์นิเจอร์ แบบติดตั้งกับที่
เฟอร์นิเจอร์ แบบติดตั้งกับที่ คือ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับการออกแบบติดตั้งให้เหมาะสมกับพื้นที่ ที่ต้องการเป็นการเฉพาะ 
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ แบบติดตั้งกับที่
•    มีความแข็งแรง เนื่องจากติดตั้งให้ยึดเกาะกับโครงสร้างอาคาร มีรูปแบบเฉพาะตัว หรูหรามีเอกลักษณ์เข้ากับสัดส่วนพื้นที่ได้อย่างพอดิบพอดี อย่างเช่นโครงการ The Diplomat สาทร ซึ่งเป็นแบบ Fully Furnished 
•    ลดปัญหาเรื่องการสะสมของฝุ่น เพราะจะมีการออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ ให้สูงจนชนฝ้าเพดาน เพื่อประโยชน์การใช้สอยสูงสุด จึงทำให้ไม่มีฝุ่นจับที่ช่องว่างที่เหลือด้านบน
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ แบบติดตั้งกับที่
•    ไม่สามารถเคลื่อนที่ โยกย้ายได้ เพราะว่าติดตั้งกับที่ และไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างหรือรูปแบบการจัดวางได้ หากต้องการย้ายที่ เฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้ต้องรื้อถอนทิ้ง เป็นส่วนน้อยที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
•    ราคาสูงกว่าเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง เนื่องจากต้องใช้ช่างฝีมือ มาทำการติดตั้งโดยเฉพาะ
•    ระหว่างการติดตั้งอาจะทำให้เกิดฝุ่นละออง ต้องทำความสะอาดหลังติดตั้งแล้วเสร็จ


ขอบคุณข้อมูลจาก สนุกดอทคอม

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

5 วิธี ที่จะทำให้ห้องครัวไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์

   ในห้องครัวที่เราใช้ทำอาหารในทุกๆวันนั้น มักมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ผสมปนเปกันอยู่มาก อาจจะไม่ใช่แค่ก่อให้เกิดความรำคาญใจ แต่จะเกิดปัญหาอื่นๆตามมาเพียบ อย่าง โรคภูมิแพ้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของคนในครอบครัว
   
1.  หมั่นทำความสะอาดซิ้งค์ล้างจานให้สะอาดทุกๆครั้งหลังจากใช้งาน
     ซิ้งค์ล้างจาน เป็นอีกที่นึง ที่รวบรวบเศษอาหาร ที่เราอาจทำหลุดลงไป เพราะฉะนั้นก่อนการล้างจานควรทิ้งเศษอาหารให้เรียบร้อยเสียก่อน เพื่อป้องกันเศษอาหารตกค้างซึ่งทำให้ส่งกลิ่นเหม็นมาตามท่อ หลังจากล้างจานเสร็จก็ควรเก็บกวาดเศษอาหารออกให้หมด รวมทั้งเช็ดบริเวณซิ้งค์ล้างจานโดยรอบให้แห้งเพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น 
- หากเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ลองใช้เบกกิ้งโซดาโรยลงไปในท่อทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นราดน้ำส้มสายชูตามลงไปในปริมาณที่เท่าๆกันก็จะช่วยให้ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์จางหายไป

2.   ดูแลความสะอาดถังขยะอย่างสม่ำเสมอ
     ถังขยะโดยเฉพาะถังขยะในห้องครัวนั้น เป็นแหล่งชั้นดีที่เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์สารพัด ไม่ว่าจะเป็นเศษอาหารสด ที่เราใช้ประกอบอาหาร  ที่เราทิ้งอยู่ในถังขยะ หากเราไม่ดูแล มัดปากถุงให้เรียบร้อย และหมั่นนำไปทิ้งเป็นประจำรับรองได้ว่า จะส่งกลิ่นตลบอบอวนของเหล่าเศษอาหารที่เน่าเสียแน่นอน 
- ควรหาถังขยะที่ปิดมิดชิดก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องของกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้


3.  ควรเก็บเครื่องปรุง เครื่องเทศ และส่วนผสมต่างๆ ในภาชนะที่ปิดได้สนิทและเก็บเป็นที่เป็นทาง
     คนทำอาหารอย่างเราๆก็จะมีเครื่องปรุงและเครื่องเทศต่างๆ มากมายสารพัด ซึ่งบางทีเราอาจจะเก็บเหล่าเครื่องเทศนี้อย่างไม่ถูกต้อง ก็จะก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ฉะนั้นจึงเก็บใส่ขวดโหลหรือกล่องที่มีฝาปิดสนิทให้มิดชิดเพื่อป้องกันไม่ให้ส่งกลิ่นออกมารบกวนห้องครัว และทำให้หยิบใช้ได้สะดวก เก็บได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดูสวยงามได้อีกด้วย
- หาขวดโหล สวยๆ เก๋ๆ มาจัดเก็บเครื่องปรุง หรือ เครื่องเทศ ใช้เป็นพรอพในการตกแต่งห้องครัวได้อีกด้วย


4.  ควรหมั่นทำความสะอาดตู้เย็น
     อีกสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่สำคัญ คือ “ตู้เย็น”  ไม่ว่าจะเป็นของสด กับข้าวค้างคืน ผัก ผลไม้ ที่ต้องใช้ตู้เย็นในการเก็บรักษาแทบทั้งนั้น ซึ่งในการจัดเก็บของสดแต่ละครั้ง ควรจัดเก็บใส่กล่องแบ่งให้เป็นระเบียบ และควรหมั่นทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ  
- สร้างกลิ่นหอมให้ตู้เย็นด้วยการนำสำลีชุบกลิ่นวานิลลาใส่ไว้ในชาม แล้ววางในตู้เย็น ทิ้งไว้จนกว่าสำลีจะแห้ง เพียงเท่านี้ ตู้เย็นของเราก็จะมีกลิ่นหอมของวนิลาแน่นอน
- ถ่านไม้ก้อนดำ หรือ กากกาแฟ จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็นได้เป็นอย่างดี



5.  ควรติดตั้งเครื่องดูดควัน

     หากเรามีครัวไทยแบบเปิดโล่งคงจะไม่เป็นปัญหาด้านกลิ่นอาหารมากมายนัก แต่หากประกอบอาหารในพื้นที่จำกัดอย่างเช่น คอนโด เราควรจะหาเครื่องดูดควันมาติดตั้ง เพราะการประกอบอาหารคงหนีไม่พ้นกลิ่นฉุนของเครื่องเทศ อย่าง กระเทียม พริก หรือ พริกไทย  ดังนั้นเพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ เราควรกำจัดกลิ่นระหว่างการทำอาหาร ไม่ให้ปล่อยให้กลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งครัว 

     ในการเลือกเครื่องดูดควันต้องพิจารณาเรื่องของกำลังแรงดูด วัสดุที่ใช้ในการผลิต เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน ขอแนะนำเครื่องดูดควันของ TEKA รุ่น EDIP 6400.1E สลิมไลน์ แรงดูด 605 m/hr 2 มอเตอร์  ซึ่งมีให้ทุกห้องสำหรับโครงการ The Diplomat สาทร โดย "เคพีเอ็น" เครื่องดูดควันของ TEKA สามารถรองรับการติดตั้งได้ทั้งแบบยึดติดกับผนังที่ไม่มีตู้เฟอร์นิเจอร์ หรือสามารถ BUILT-IN ให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการแถมมาให้ได้อย่างลงตัว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Quartz (หินควอทซ์)


   หากจะพูดถึงการออกแบบห้องครัว สิ่งสำคัญแรกๆคงจะเป็นการเลือกวัสดุ จะใช้วัสดุแบบไหนม่ประกอบห้องครัวดี ในส่วนของ Countertops ซึ่งข้อนี้เราควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ทนทาน และดีไซน์ สวยเก๋ 




    Quartz เป็นวัสดุที่มีการนิยมนำมาทำเป็น Countertops มากขึ้น หลายโครงการคอนโด จึงเลือกใช้ หินควอทซ์์ มากกว่า เช่น โครงการ The Diplomat สาธร ที่ใส่ใจในรายละเอียดด้านการตกแต่ง เลือกใช้เพราะมีสีอ่อนให้เลือกหลากหลาย ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีเทคนิคการผลิตและลวดลายให้เลือกเฉพาะตัว เช่น ยี่ห้อ silestone ซึ่งบางรุ่นมี microban ป้องกันเชื้อรา ซึ่งก็จะทำให้ราคาสูงขึ้น ข้อดีของหินชนิดนี้ กันรอยขีดข่วยได้ดีมาก ไม่มีรูพรุน ทนต่อกรด ด่าง และสารเคมี 











วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

5 ต้นไม้ปลูกง่ายในห้องนอน ช่วยให้หลับสนิท

นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ภูมิแพ้ อาหารเหล่านี้สามารถช่วยได้โดยปลูกต้นไม้เหล่านี้ไว้ในห้องนอนก็จะช่วยให้คุณภาพของอากาศภายในห้องนั้นดีขึ้น ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ช่วยลดความเครียดและลดสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ด้วยนอกจากจะไม่มีผลเสียแล้ว จะช่วยให้การนอนหลับของเราดีขึ้นอีกด้วย

1. ลาเวนเดอร์
    นอกจากจะสวยช่วยเพิ่มสีสันให้กับห้องนอนแล้วนั้น กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก นอกจากจะช่วยลดความวิตกกังวล แล้วยังช่วยลดความเครียด ช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง และทำให้หลับสบายขึ้น  หากนำไว้วางไว้ในห้องเด็กเล็กจะช่วยให้ร้องกวนน้อยลงอีกด้วย


2. มะลิ
    พันธุ์ไม้ที่เหมาะสำหรับปลูกในอากาศอบอุ่น หากปลูกมะลิไว้ภายในตัวบ้าน ให้มีแสงแดดส่องถึง กลิ่นหอมของดอกมะลิ จะช่วยให้เราผ่อนคลายนอนหลับสบายยิ่งขึ้น



3. เดหลี
   ต้นไม้สวย ๆ อย่างต้นเดหลีช่วยกรองสาพิษอย่าง เบนซิน ไตรคลอโรเอทิลีน และฟอร์มาลดีไฮด์ในอากาศได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังผลิตความชื้นในอากาศให้เพิ่มขึ้นอีก 5% ช่วยกำจัดเชื้อโรคในอากาศที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ พร้อมบรรเทาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจช่วยทำให้นอนหลับสบายตลอดคืน 



4. โรสแมรี่
    ต้นโรสแมรี่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบความจำให้ดีขึ้น ซึ่งเคยมีการทดลอง มีผลออกมาว่า มันช่วยทำให้ความจำดีขึ้นถึง 75% โดยการนำโรสแมรี่มาถูบนมือ จากนั้นก็ดมกลิ่น นอกจากจะมีกลิ่นหอมสดชื่นแล้วยังทำให้คุณภาพของอากาศภายในห้องดีขึ้นอีกด้วย



5, ไอวี่ อังกฤษ
     สำหรับผู้มีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ หรือเป็นโรคหอบหืด ควรปลูก ไอวี่ อังกฤษ ไว้ในห้องนอน เพราะมีการศึกษาพบว่า ต้นไอวี่ อังกฤษ นี้ช่วยลดเชื้อราในอากาศได้ถึง 94% ช่วยลดอาการภูมิแพ้ และอาการระคายเคืองของปอด




ขอบคุณข้อมูล: sanook ,kinaroi

Sathorn Workshop @ละมุนละไม

เริ่มการเดินทางจาก the diplomat สาทร ขึ้นBTS สุรศักดิ์หน้าโครงการ ไปลงสถานีศาลาแดง ก็จะพบกับสตูดิโองานฝีมือ ละมุนละไม แล้ว
สตูดิโอแห่งนี้เริ่มด้วย คุณ ไหม ณพกมล อัครพงศ์ไพศาล ผู้ริเริ่มแบรนด์ "ละมุนละไม" ร่วมกับ คุณ หนาม นล เนตรพรหม 
มาประมาณ 2 ปี แล้ว เริ่มจากศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเซรามิกมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นปี 3 ที่ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งภาควิชานี้มีหลายสาขาที่เกี่ยวกับการออกแบบให้เลือกเรียน ด้วยความสนใจในความมหัศจรรย์ของการขึ้นรูปดิน จนสามารถเอาไปทำนู่นทำนี่ได้สารพัด งานเซรามิกเป็นของใกล้ตัว เมื่อมันเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา มันจึงเป็นทั้งถ้วย จาน ชาม รวมไปถึงทำเป็นเครื่องประดับ ตกแต่ง บ้านได้อีกหลายแบบ





หากเปรียบดูแล้วเซรามิกของละมุนละไม. กับเซรามิกที่มาจากโรงงาน จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลย เพราะเซรามิกของละมุนละไม แต่ละชิ้น แต่ละใบ มีขั้นตอนการทำด้วยมือ  ใช้ทักษะทางฝีมือทั้งสิ้น จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของละมุนละไมเอง แต่หากเปรียบเทียบกับสตูดิโออื่นๆ ละมุนละไม. ต่างก็ตรงที่ใช้ ดินขาว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าดิน Porcelain ซึ่งดินชนิดนี้เมื่อนำมาใช้ร่วมกันกับสีเคลือบในแบบของเรา จะให้ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวล ดูละมุนละไม. จึงเป็นที่มาของชื่อสตูดิโอแห่งนี้ 





เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบประดิษฐ์ของใช้เป็นงานอดิเรก เล็กๆน้อยๆ สตูดิโอแห่งนี้จึงน่าสนใจสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ย่านสาทรอย่างยิ่ง